ไฮไลท์จากงานเสวนาเพื่ออภิปรายและแสดงความเห็นต่อเนื้อหางานวิจัย
ประเทศไทย เช่นเดียวกับหลายประเทศที่มีรายได้ปานกลาง กำลังเผชิญกับความท้าทายและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร การปรับตัวทางเศรษฐกิจ และความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของความต้องการของคนในสังคม การคุ้มครองทางสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญหนึ่งที่รัฐนำมาใช้เพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยความเสี่ยงในสังคม ซึ่งรุนแรงเกินกว่าภาคเอกชนและปัจเจกชนจะสามารถจัดการได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ รัฐยังสามารถใช้การคุ้มครองทางสังคมเป็นกลไกสำหรับการกระจายทรัพยากรหรือทรัพย์สินของรัฐ ซึ่งมีประชาชนเป็นเจ้าของโดยชอบธรรม ดังนั้น เพื่อสิทธิในการกระจายทรัพยากรและโอกาสอย่างยุติธรรม ขอบเขตของการคุ้มครองทางสังคมจึงขยายออกไปจากการเป็นเพียงตาข่ายรองรับทางเศรษฐกิจ ไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในด้านการเสริมสร้างพลังทางสังคมและการเมือง โดยมีความเป็นประชาชนเป็นศูนย์กลาง
การมีกลไกปรึกษาหารือเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและจัดการการคุ้มครองทางสังคมประเภทต่าง ๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงอาจเป็นหนทางที่จะช่วยยกระดับความสามารถของหน่วยงานรัฐ ทั้งระดับชาติและระดับพื้นที่ ในการบริหารจัดการคุ้มครองทางสังคมให้ตรงกับความต้องการของประชาชน และสร้างความโปร่งใสและความชอบธรรมในการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย
เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ เป็นผลพวงมาจากการศึกษาวิเคราะห์การปรึกษาหารือในประเทศรายได้ปานกลางและรายได้น้อยที่นับได้ว่าเป็นกรณีศึกษาและเปรียบเทียบให้เห็นลักษณะรูปแบบและผลของการนำการปรึกษาหารือไปปฏิบัติในกระบวนการนโยบายด้านคุ้มครองทางสังคม เพื่อยกระดับความเป็นประชาธิปไตย (democracy) และครอบคลุม (inclusivity) ของบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม
นอกจากนี้ หนังสือเล่มนี้ยังนำเสนอสรุปผลการวิเคราะห์สาระสำคัญที่ได้จากการประชุมกลุ่มย่อยผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาการปรึกษาหารือเชิงสถาบันเพื่อระบบการคุ้มครองทางสังคมแบบครอบคลุม ที่จัดขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ.2567 ที่กรุงเทพฯ ปัจจัยเบื้องต้นสองข้อที่ได้รับการเน้นย้ำว่าสำคัญต่อการสร้างกลไกการพัฒนาดังกล่าว ได้แก่
- ความเชื่อและวิธีคิดของผู้กำหนดนโยบายและผู้ดำเนินนโยบายการคุ้มครองทางสังคมที่เข้าใจหลักการและธรรมชาติของการปรึกษาหารืออย่างแท้จริง
- ปรับโครงสร้างอำนาจและปรับขอบเขตบทบาทของรัฐเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่การกระจายอำนาจและปรับเปลี่ยนให้รัฐเป็นผู้ให้บริการและอำนวยให้ประชาชนได้มีเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพต่อการสนับสนุนการบริหารจัดการของภาครัฐได้
ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลที่นำเสนอในหนังสือเล่มนี้ ทั้งในลักษณะเชิงแนวคิดและเชิงปฏิบัติการ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการพูดคุยและแสวงหาแนวทางการพัฒนาการปรึกษาหารือเชิงสถาบันที่เหมาะสมสำหรับบริบทประเทศไทยร่วมกันของหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองทางสังคมต่อไป
โดย ผศ. ดร. อจิรภาส์ เพียรขุนทด อาจารย์ประจำภาควิชาบริหารรัฐกิจ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หนังสือเป็นฉบับภาษาไทย ผู้ที่สนใจรับในรูปแบบรูปเล่ม สามารถส่งคำขอมาได้ที่อีเมล Office.Thailand@kas.de พร้อมระบุชื่อ-สกุล องค์กรที่สังกัด และที่อยู่จัดส่งมาด้วย ทางมูลนิธิฯ จะจัดส่งให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
หัวข้อ
Indiens Bedeutung für Deutschlands Wissenschaft und Innovation
Präsident Trump verabschiedet die USA aus dem freien Welthandel
Fachkonferenz „Soziale Marktwirtschaft ökologisch erneuern“ Teil 3
Herausforderungen des Berliner Mietendeckelgesetzes
Wirtschaft in Afrika - eine Chance für deutsche Unternehmen?